เลือกฉนวนกันความร้อน: PU, PIR, ใยแก้ว ต่างกันอย่างไร?

เลือกฉนวนกันความร้อน: PU, PIR, ใยแก้ว ต่างกันอย่างไร?

การเลือก ฉนวนกันความร้อนหลังคา เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บ้านเย็น ประหยัดพลังงาน และยืดอายุหลังคาได้อย่างมาก แต่ฉนวนในท้องตลาดมีหลายแบบ เช่น PU, PIR, ใยแก้ว แล้วแต่ละชนิดต่างกันอย่างไร? มาดูคู่มือฉบับเข้าใจง่ายกันครับ 👇

🟡 1. ฉนวน PU (Polyurethane Foam)

คุณสมบัติ:

• ผลิตจากโฟมพอลียูรีเทน มีความหนาแน่นสูง

• กันความร้อนและกันเสียงได้ดีมาก

• ยึดติดแน่นกับแผ่นเมทัลชีท ไม่เกิดช่องว่างอากาศ

• น้ำหนักเบา ไม่เพิ่มภาระโครงหลังคา

ข้อดี:
✅ ค่า R-Value สูง (กันความร้อนได้ดีเยี่ยม)
✅ ใช้ได้ทั้งในบ้านและโรงงาน
✅ ป้องกันการรั่วซึมได้หากพ่นหนาเพียงพอ

ข้อควรระวัง:
⚠️ ไม่ทนไฟเท่า PIR
⚠️ ต้องใช้ช่างพ่นที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ฟองกระจายตัวสม่ำเสมอ

🟠 2. ฉนวน PIR (Polyisocyanurate)

คุณสมบัติ:

• คล้าย PU แต่มีสูตรพิเศษเพิ่มความทนไฟ

• มีโครงสร้างเซลล์ปิดแน่นกว่า PU

• เหมาะกับงานอาคารขนาดใหญ่ โรงงาน และโกดัง

ข้อดี:
✅ กันความร้อนดีกว่า PU ประมาณ 10–20%
✅ ทนไฟได้ดีกว่า ไม่ลามไฟ
✅ ไม่ดูดซับน้ำ

ข้อควรระวัง:
⚠️ ราคาสูงกว่า PU เล็กน้อย
⚠️ ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน (FM, ASTM)

🟣 3. ฉนวนใยแก้ว (Fiberglass)

คุณสมบัติ:

• ผลิตจากเส้นใยแก้วละเอียดคล้ายสำลี

• ใช้ติดตั้งใต้หลังคา หรือวางเหนือฝ้าเพดาน

• นิยมในบ้านพักอาศัยและอาคารสำนักงาน

ข้อดี:
✅ ราคาย่อมเยา
✅ กันความร้อนได้ดีระดับปานกลาง
✅ ไม่เป็นเชื้อเพลิง ไม่ลามไฟ

ข้อควรระวัง:
⚠️ หากติดตั้งไม่แน่น น้ำอาจซึมเข้าได้
⚠️ เส้นใยอาจระคายผิว ต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันระหว่างติดตั้ง

📊 ตารางเปรียบเทียบฉนวนแต่ละชนิด

✅ สรุป: ฉนวนแบบไหนเหมาะกับคุณ?

• 🏡 บ้านพักอาศัยทั่วไป: ใยแก้ว หรือ PU แบบพ่น

• 🏭 โรงงาน/โกดัง: PIR Panel หรือ PU หนา

• 🧰 งบจำกัด: ใยแก้วยังคุ้มค่า แต่ควรติดตั้งให้แน่นและกันชื้น

เคล็ดลับจากช่าง:
ก่อนเลือกฉนวน ควรดูทิศทางแดดและโครงสร้างหลังคา — หากเป็นแผ่นเมทัลชีทควรพ่น PU หรือใช้แผ่น PIR Sandwich เพื่อกันร้อนได้ดีที่สุด